osi

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553



OSI Model 7 Layers
19:24 / เขียนโดย FanFlag /
พื้นฐานความรู้ทางด้านเน็ตเวิร์ค ที่คนอยากเก่งทางด้านเน็ตเวิร์ค หรือว่าปรมาอาจารย์ทางด้านเน็ตเวิร์คควรรู้เพื่อเป็นพื้นฐานในการต่อยอดไปด้านแขนงต่างๆ ก็คือ OSI Model 7 Layers ซึ่ง OSI Model 7 Layers มีที่มากจาก องค์กร ISO (International Organization for Standard) เป็นผู้กำหนด มาตราฐาน OSI ขึ้นมา OSI เป็นมาตรฐานการสื่อสารคอมพิวเตอร์ซึ่งมีแบบจำลองของการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง OSI ย่อมาจาก Open System Interconnection สามารถแบ่งได้เป็น 7 ชั้นของระบบการทำงาน เพื่อใช้กำหนดเป็นมาตรฐานให้กับระบบต่างๆ ให้สามารถทำงานและติดต่อถึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดดังนั้นเราจะกล่าวถึง ชั้นการทำงานของ ระบบ OSI Model ในแต่ละชั้นการทำงานว่ามีสถานะเป็นอย่างไร ทั้งนี้เพื่อช่วยลดขนาดของปัญหาในการเชื่อมต่อให้เล็กลงด้วย ในบางกรณี ที่มีความเสียหานเกิดขึ้นในระบบ เราก็สามารถที่จะตรวจสอบได้จากชั้นการทำงานของระบบ ในแต่ละชั้นได้อย่างง่ายดาย ระบบ OSI model นั้นสามารถแยกประเภท ออกมาเป็นดังนี้
1.Physical Layer
2.Data Link Layer
3.Network Layer
4.Transport Layer
5.Session Layer
6.Presentation Layer
7.Application Layer

แต่ละชั้นของแบบการสื่อสารข้อมูลเรียกว่า Layer ประกอบด้วย Layer ย่อยๆทั้งหมด7 Layerแต่ละชั้นทำหน้าที่รับส่งข้อมูลกับชั้นที่อยู่ติดกับตัวเองเท่านั้นจะ ไม่ติดต่อกระโดดข้ามไปยังชั้นอื่นๆเช่น Layer 6จะติดต่อกับ Layer5 และ Layer7 เท่านั้นและการส่งข้อมูลจะทำไล่จาก Layer7 ลงมาจนถึง Layer1 ซึ่งเป็นชั้นที่มีการเชื่อมต่อทางกายภาพ จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งไปยังเครื่องผู้รับปลายทางโดยเริ่มจาก Layer1 ข้อมูลก็จะถูกถอดรหัส และส่งขึ้นไปตาม Layer จนถึง Layer7 ก็จะประกอบกลับมาเป็นข้อมูล นำไปส่งให้ application นำไปใช้แสดงผลต่อไป

OSI Model ได้แบ่ง ตามลักษณะของออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1. Application-oriented Layers เป็น 4 Layer ด้านบนคือ Layer ที่ 7,6,5,4 ทำหน้าที่เชื่อมต่อรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับโปรแกรมประยุกต์ เพื่อให้รับส่งข้อมูลกับฮาร์ดแวร์ที่อยู่ชั้นล่างได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับซอฟแวร์เป็นหลัก

2. Network-dependent Layers เป็น 3 Layers ด้านล่าง ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับส่งข้อมูลผ่านสายส่ง และควบคุมการรับส่งข้อมูล.ตรวจสอบข้อผิดพลาด รวมทั้งเลื่อกเส้นทางที่ใช้ในการรับส่ง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ทำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างบริษัทกันได้อย่างไม่มีปัญหา

ISO ( International Standards Organization) เป็นหน่วยงาน ที่มีหน้าที่พัฒนา มาตรฐานสำหรับ การสื่อสารข้อมูล ในประเทศ และระหว่างประเทศ ในช่วงต้นทศวรรณ 1970 ISO ได้พัฒนาแบบจำลอง OSI (Open Systems Interconnection ) ขึ้นเพื่อใช้เป็นมาตราฐาน สำหรับการออกแบบอุปกรณ์ ของผู้ผลิตเพื่อที่อุปกรณ์ จากต่างผู้ผลิต สามารถสื่อสารกันได้ แบบจำลอง OSI ประกอบด้วย 7 เลเยอร์ (layer) อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกันสนทนากัน




Layer ทั้ง 7 จะสนับสนุนในส่วนฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ รวมทั้งการติดต่อถึงกัน ของทั้งสองข้าง ที่ต้องการสื่อสารเข้าด้วยกัน คือด้านส่ง และด้านรับ ดังรูปด้านล่าง



แต่ละ Layer จะแสดงรายละเอียดของงานที่ทำในเน็ตเวิร์ค เมื่อด้านส่งต้องการส่ง ขบวนการจะเริ่มต้นที่ Layer 7 ซึ่งมีหน้าที่เตรียมข้อมูลที่จะส่ง และ Layer 7 จะส่งผ่านข้อมูลมายัง Layer 6 ซึ่งก็จะจัดการกระทำกับข้อมูล ก่อนจะส่งมายัง Layer 5 ข้อมูลจะถูกส่งต่อลงมาเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึง Layer 1 ซึ่งก็คือ Physical Layer และการส่งข้อมูลจะเกิดขึ้นจริงๆ ที่ Layer นี้
ส่วนทางด้านรับ ข้อมูลจะถูกรับโดย Layer 1 และถูกส่งต่อขึ้นไปยัง Layer 2 เพื่อทำการวิเคราะห์ ก่อนจะดำเนินการแยกเฉพาะส่วนของข้อมูล ส่งต่อไปยัง Layer 3 และชั้นที่สูงต่อไป จนกว่าจะถึง Layer 7

ฮ่ากระจาย

<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/NdBsR40qT-8?fs=1&hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/NdBsR40qT-8?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

wireless lan

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN) ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LANs) เกิดขึ้นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1971 บนเกาะฮาวาย โดยโปรเจกต์ ของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่ชื่อว่า “ALOHNET” ขณะนั้นลักษณะการส่งข้อมูลเป็นแบบ Bi-directional ส่งไป-กลับง่ายๆ ผ่านคลื่นวิทยุ สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ 4 เกาะโดยรอบ และมีศูนย์กลางการเชื่อมต่ออยู่ที่เกาะๆหนึ่ง ที่ชื่อว่า Oahu




ระบบเครือข่ายไร้สาย (WLAN = Wireless Local Area Network) คือ ระบบการสื่อสารข้อมูลที่มีความคล่องตัวมาก ซึ่งอาจจะนำมาใช้ทดแทนหรือเพิ่มต่อกับระบบเครือข่ายแลนใช้สายแบบดั้งเดิม โดยใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ, ทะลุกำแพง, เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย นอกจากนั้นระบบเครือข่ายไร้สายก็ยังมีคุณสมบัติครอบคลุมทุกอย่างเหมือนกับระบบ LAN แบบใช้สาย



ที่สำคัญก็คือ การที่มันไม่ต้องใช้สายทำให้การเคลื่อนย้ายการใช้งานทำได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์



ปัจจุบันนี้ โลกของเราเป็นยุคแห่งการติดต่อสื่อสาร เทคโนโลยีต่างๆ เช่นโทรศัพท์มือถือ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน ความต้องการข้อมูลและการบริการต่างๆ มีความจำเป็นสำหรับนักธุรกิจ เทคโนโลยีที่สนองต่อความต้องการเหล่านั้น มีมากมาย เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เครื่องปาร์ม ได้ถูกนำมาใช้เป็นอย่างมากและ ผู้ที่น่าจะได้ประโยชน์จากการใช้ ระบบเครือข่ายไร้สาย มีมากมายไม่ว่าจะเป็น